เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ตอนที่ 4/4 Kachi kachi yama Fuji-Q Highland
กลับมาต่อสำหรับทริปเที่ยวญี่ปุ่นของเราค่ะ ตอนนี้เป็นเช้าวันที่ 5 ของทริปแล้ว
(กลับไปเที่ยว Music Forest คลิกที่นี่)
พี่เอ๋เค้าก็ขยันมาก ตื่นตีอะไรไม่รู้มานั่งรอถ่ายฟูจิ รอถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น แต่เหมือนจะถ่ายไม่ได้มั้ง ส่วนปลาหลับสบายไม่รู้เรื่องฮ่ะ อิอิ สรุปมาได้รูปเอาตอนพระอาทิตย์ขึ้นไปแล้ว คือจะบอกว่า มันสวยมากกกกกกกกกกกก ภาพทะเลสาบ Kawaguchiko ยามเช้าที่มีหมอกไหลลงมาจากบนเขา โดยมีฉากหลังเป็น Fujisan มันใช่ มันคือฟิน รร ตั้งอยู่ตำแหน่งที่ดีด้วยค่ะ เห็นฟูจิได้แบบพอดีเป๊ะเลย แล้วดีมากที่วันนี้ฟูจิซังไม่ขี้อายด้วย
ชมฟูจิซังแล้วก็ได้เวลาลงไปเติมพลังให้วันนี้กันค่ะ มื้อเช้าที่เยอะไม่แพ้มื้อเย็น จะกินหมดมั้ย (หน้าตาเริ่มทำใจกับปริมาณอาหารได้แล้ว เมื่อเย็นวานตกใจมาก 555)
ข้าวเติมได้ไม่อั้น แต่ถ้วยเดียวก็อิ่มแล้ว
มื้อเช้าอาหารจะเหมือนกันค่ะ
แล้วนี่เรียกไรไม่รู้อ่ะ กินๆ เข้าไปเหมือนเดิม
ปลาแซลมอนคนละชิ้น
นี่เป็นต้มซุปไรสักอย่าง จำไม่ได้แระ …แล้วถ่ายแต่ปิดฝามาทำไมเนี่ย
สาหร่ายนี่อร่อยมากอ่ะ อยากซื้อกลับมา แต่ไม่รู้ซื้อที่ไหน จะถามเค้าก็คุยกันไม่รู้เรื่อง 5555
ของหวานเช้านี้เป็นลิ้นจี่ หน้าตาเหมือนเน่าแล้วแต่ข้างในยังกินได้ เดาว่าเป็นลิ้นจี่ดองป่ะ ไม่รู้อ่ะ มั่วเอา 555
หลังจากกินอิ่มแล้วเราก็ออกเที่ยวกันได้ค่ะ แผนวันนี้เดิมคือเดินทางไปสวนสนุก Fuji-Q Highland แต่เนื่องจากเมื่อวานพลาดไป 2 ที่คือ เจดีย์แดง กับ Kachi kachi yama พี่เอ๋เลยขอไปชดเชยในช่วงเช้าของวันนี้แทน ดูจากแผนที่ Kachi kachi yama อยู่ที่ป้าย 10 แต่ รร Hotel New Century อยู่ที่ป้าย 12 ตอนนั้นยังไม่ 9โมงเช้าค่ะ รถ retro ยังวิ่ง เรากลัวเสียเวลารอรถค่ะ เลยตัดสินใจเดินเอา ถือโอกาสถ่ายรูปเล่นระหว่างทางไปด้วยเลย
บรรยากาศ 2 ข้างทางมันสบาย ๆ ไม่เร่งรีบ ลมพัดตลอดเวลาทำให้อากาศเย็นสบาย
เดินมาเจอศาลเจ้าเล็ก ๆ เลยยกมือไหว้ แล้วก็เกิดคำถามว่า ที่นี่เค้าเคารพศาลเจ้ายังไ
เดินประมาณ 20 นาทีก็ถึงป้าย 10 แล้วค่ะ ด้านหน้าของทางขึ้นกระเช้า จะมีร้าน Fujiyama Cookie ขายพวกขนมนะ แต่ไม่ได้เข้าอ่ะ
มาสคอทที่นี่ก็เป็นกระต่ายกับแรคคูน น่ารักเชียว
ขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนกันค่ะ วิธีก็กระเช้านี้เลย กระเช้ามี 2 ตัววิ่งสลับกันไปมา ค่าโดยสารมีทั้งแบบเที่ยวเดียวประมาณ 400 เยน กับแบบไปกลับประมาณ 700 เยน คืองงว่าเที่ยวเดียวนี่คือให้ขึ้นไปนอนข้างบนเหรอ หรือเค้ามีทางเดินด้วย เผื่อใครขึ้นกระเช้าแต่ลงใช้เดิน เพราะไม่เห็นทางเดินอ่ะ ที่นี่ยังใช้ส่วนลดจากศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวได้อีกนิดหน่อย
ซื้อตั๋วมาแล้ว ตอนขึ้นไปถึงทำตกไว้ในกระเช้าใบนึงด้วย ขากลับนึกว่าต้องเสียเงินซะแล้ว แต่เจ้าหน้าที่เก็บตั๋วไว้ให้เลยโชคดีไป
กระเช้าขึ้นไปสูงเหมือนกันนะ ใครกลัวความสูงคงมีขาสั่นล่ะ ขึ้นมาแล้ว ลองมองย้อนกลับไป โอ้วววว สวยมากอ่ะ
ขึ้นไปถึงก็มีแผนที่อธิบายจุดต่าง ๆ ของพื้นที่ด้านบนนี้ล่ะค่ะ โดยรวมแล้วเล็กมาก ๆ เดินแค่ 2 นาทีก็ทั่วแล้วล่ะค่ะ แต่จะมีทางเดินขึ้นเขาไปอีกตรงส่วนบนซ้ายของแผนที่
ขึ้นมาบนนี้กันทำไม ง่ายๆ ค่ะ มาดูฟูจิซังกันค่ะ บนนี้มีกล้องส่องทางไกลให้ใช้ในราคา 100 เยน ดูได้ 90 วินาที ตอนนี้อารมณ์เหมือนยืนประจันหน้ากับฟูจิซังเลยอ่ะ ช่างยิ่งใหญ่อลังการตระการตาอะไรเยี่ยงนี้
ขึ้นมาอยู่ได้สักพัก ฟูจิซังดันเขินค่ะ หลบเข้าหลังเมฆซะงั้น พี่เอ๋ยังไม่หนำใจค่ะ ขอนั่งรออีกสักพัก ระหว่างนั้นก็ถ่ายรูปอย่างอื่นเล่นฆ่าเวลา มีร้านขายขนมด้วยนะ
ได้ถุงขนมอันนี้มาค่ะ น่ารักเชียว ซื้อเพราะถุงนั่นแหละ ลูกอมข้างในก็ไม่ได้กินหรอก 555
ถ่ายรูปเล่นไปได้สัก 10 นาทีค่ะ เมฆถึงเริ่มขยับตัว
ถ่ายได้อีกแค่แป๊บนึง เมฆก็เคลื่อนมาบังอีกค่ะ เราเลยตัดสินใจว่าไปที่อื่นต่อเลยดีกว่า แล้วแผนจะไปเจดีย์แดงนี่ก็พับไปด้วยเลย เพราะเรากลัวไปเล่น Fuji-Q Highland ไม่ทัน ไม่เป็นไรนะ จะได้มีข้ออ้างกลับมาใหม่ 5555
นั่งกระเช้ากลับลงไปกันค่ะ เพื่อไปขึ้นรถบัสไปที่สถานี Kawaguchiko ก็สถานีเดียวกับตอนเรามานั่นแหละค่ะ การเดินทางจากจุดนี้ไปสวนสนุก Fuji-Q Highland คือ ขึ้นรถไฟค่ะ ขึ้นที่นี่เหมือนกัน เดินเข้าไปซื้อตั๋วได้เลยค่ะ ชานชาลาก็อยู่ด้านหลังสถานี ขบวนรถไฟนี่น่ารักมากอ่ะ ดูจิ ค่าตั๋วก็ 160 เยน ค่ะ ตั๋วรถไฟที่นี่หน้าตาเหมือนตั๋วรถไฟในเมืองนั่นแหละ แค่ไม่มีแถบแม่เหล็กด้านหลัง ใช้วิธีตัดตั๋วเหมือนรถไฟบ้านเรา
นั่งรถไฟไปแค่สถานีเดียวก็ถึง Fuji-Q Highland แล้วล่ะค่ะ สถานีรถไฟอยู่หน้าสวนสนุกเลย มาถึงกันตอนเกือบ ๆ 11 โมง …ไปซื้อตั๋วกันก่อนค่ะ
ได้ตั๋วมาแล้ว เราซื้อตั๋ว 1 Day Pass ค่ะ ราคา 5,000 เยน ต้องบอกว่าไม่ค่อยคุ้ม เพราะใช้เวลาต่อคิวเครื่องเล่นนานมาก ขนาดนี่เป็นวันธรรมดาแล้ว วัยรุ่นญี่ปุ่นมาเที่ยวที่นี่เยอะมากกกกก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้หญิงประมาณ 80% ผู้ชายที่เห็นคือมากับแฟน
แต่ถ้าซื้อเฉพาะบัตรค่าเข้าอย่างเดียว ราคาจะอยู่ที่ 1,300 เยนส่วนค่าเครื่องเล่น Highlight ตัวละ 1,000 เยนค่ะ เราไปซื้อตั๋วที่หน้าเครื่องเล่นนั้นได้เลย เครื่องเล่น highlight ของที่นี่มีอยู่ 4 ตัวค่ะ ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่ถูกบันทึกเป็นสถิติโลกทั้งนั้น โดยรวมถ้าซื้อแยกราคาจะแพงกว่าแค่ 300 เยนนะ แต่วันนั้นเล่นทั้งวันจนถึงเวลาปิดสวนสนุก ยังเล่นไปได้แค่ 3 ตัวเอง
เข้าไปด้านในกันค่ะ โดยรวมที่นี่บรรยากาศเหมือนสวนสนุกบ้านเราน่ะแหละ คือไม่ได้มีธีมอะไรน่ารัก ๆ เหมือนดิสนีย์นะ ของเค้าเจ๋งที่เครื่องเล่นนี่ล่ะ แต่ที่นี่ก็มีอะไรน่ารักๆ อยู่นะ คือเค้าจะใช้ยอดมนุษย์ 5 สี เป็น Mascot
เวลาเราต่อคิวเครื่องเล่นเนี่ย ระหว่างทางเค้าจะมี VDO สาธิตเครื่องเล่น และกิจกรรมต่าง ๆ ในสวนสนุก โดยเค้าจะใช้ยอดมนุษย์พวกนี้เล่นทั้งหมด ซึ่งทำได้ดีน่าสนใจ ดูแล้วเพลิน ๆ ฮา ๆ ดีอ่ะ ชอบ ๆ
เดินเข้ามาเจอเครื่องเล่นแรก ชื่อ Panic Clock …แต่อันนี้ไม่ได้เล่นค่ะ
เดินมาเจอเครื่องเล่นต่อไปชื่อ Mad Mouse เห็นว่าเล็ก ๆ ดีน่าจะไม่ค่อยมีอะไร เอามาเล่นเรียกน้ำย่อยกันก่อน
แต่พอขึ้นไปแล้ว เครื่องเล่นนี้มีดีกว่าที่คิด เนื่องจากรางจะเลี้ยวหักศอกแทบทุกอัน ทำให้รู้สึกเหมือนจะกระเด็นออกจากรถทุกครั้งแถมที่กั้นด้านข้างก็ไม่มี เลี้ยวแบบหักกระทันหัน เหมือนหนูอารมณ์เสียจริง ๆ เลยแอบเสียวเล็กๆเหมือนกันนะ
มาถึงเครื่องเล่น Highlight ตัวแรก ชื่อ Takabisha เป็นเครื่องเล่น Roller coaster ที่ทำมุมกลับมากที่สุดในโลกที่ 121 องศา ต่อคิวอยู่ประมาณ ชั่วโมง 45 นาที ย้ำว่ารอคิว 1 ชั่วโมง 45 นาที ไม่ได้อ่านผิดค่ะ คุณขา จุดเด่นของเครื่องเล่นนี้คือ เราจะได้ขึ้นไปชมวิวฟูจิซังบนนั่นค่ะ หลังจากชมวิวกันอยู่เพลินๆ เค้าก็จะกระชากเราลงมาในมุม 121 องศา โฮ่ยยยยยย ตัวลงมาแล้วค่ะ แต่ใจยังคาอยู่ข้างบนเลย ที่สุดอ่ะ ที่สุด สะใจเจ๊มาก แต่แฟนเจ๊ไม่ใจ ไม่ยอมขึ้น
ดูบรรยากาศแบบ VDO กัน
เล่นอันแรกเสร็จก็เริ่มหิวค่ะ ก็ควรหิว เพราะยืนรอเกือบ 2 ชม ลงมาเลยต้องหาอะไรรองท้องกันซะหน่อยค่ะ มาเล่นแบบนี้ อย่ากินเยอะนะคะ เด๋วจะจุกเอา กินแค่พอรองท้อง ไม่งั้นขึ้นไปเล่นนี่จะมีคายกันออกมาหมด โซบะกล่องนี้เลยแบ่งกัน 2 คนค่ะ
อิ่มแล้วไปลุยกันต่อเล้ยยย
ที่นี่จะมีป้ายบอกขณะรอคิวนะคะว่า ถ้ายืนตรงนี้จะต้องรออีกกี่ชั่วโมงถึงจะได้เล่น เท่าที่สังเกตดูก็แม่นพอสมควรเลยล่ะ
ไปต่อกันที่ Highlight ตัวที่ 2 ชื่อ Dodonpa เป็น Roller coaster ที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลก เครื่องเล่นนี้กินพื้นที่ตั้งแต่ด้านหน้ายันด้านหลังของสวนสนุก โดยรางส่วนใหญ่เป็นทางตรงแล้วเลี้ยวกลับมา มีขึ้น 90 องศาให้เสียวทีเดียวแล้วจบ แต่ทั้งหมดที่ว่ามาใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที เพราะตัวรถถูกยิงด้วยความเร็ว 172 Km/h ภายในเวลา 1.8 วินาที เรียกว่าหลังติดเบาะ น้ำหมากกระจายยกันเลยล่ะ 5555 ตัวนี้ก็เข้าคิวอยู่เกือบ 2 ชม เหมือนกัน (แต่ละตัวเข้าคิวโหดมาก แต่เจ๊ยอมเพราะเจ๊อยากเสียว 555) เครื่องเล่นนี้พี่เอ๋ยอมขึ้นค่ะ เพราะเค้าอยากรู้ว่าเร็ว 172 km/h มันเป็นยังไง
มาดูกันว่าเร็วขนาดไหน แต่ที่ถ่ายมานี่เป็นช่วงกลาง รถเริ่มลดความเร็วแล้ว
สวนสนุกที่นี่ปิดแค่ 5 โมงเย็นค่ะ เลยเล่นได้ไม่กี่อัน เพราะแค่ต่อคิวก็เป็นชั่วโมงๆแล้ว เล่นอันที่ 3 เสร็จนี่ก็บ่าย 3 เข้าไปแล้วล่ะ เราเลยต้องรีบไปต่อคิวสำหรับอันถัดไป อันนี้ก็เป็นไฮไลท์อีกอันของสวนสนุกนี้ ตัวนี้ชื่อ Eejanaika เป็น Roller Coaster ที่มีจำนวนการหมุนมากที่สุดในโลก เริ่มจากหันหลังก่อนในตอนเริ่ม แต่ขึ้นไปข้างบนก็คว่ำหน้าคว่ำหลังแบบไม่รู้ทิศทาง ต่อคิวอันนี้ก็เกือบ 2 ชั่วโมงเช่นเคย แต่อยากบอกทั้งหมดที่เล่นมา สำหรับปลาอันนี้คือที่สุดอ่ะ คือกว่าจะได้ขึ้นเล่นก็เกือบ 5โมงเย็นแล้วค่ะ อากาศตอนนั้นก็หนาวมากกกกกกกกกก แล้วขึ้นไปหกคะเมนตีลังกาเอาหน้าปะทะลมข้างบนนี่นะ คือหน้ามันเจ็บยิบๆๆ เพราะลมหนาว เลยกลายเป็นทั้งเจ็บทั้งเสียวทีเดียวเลย 555
เปิดดูภาพเคลื่อนไหวจะรู้ว่า พอเล่นเสร็จแล้วตื่นเต้นขนาดไหน 5555
ระหว่างที่ปลายืนต่อคิว พี่เอ๋ไม่เล่น ก็เลยไปเดินถ่ายรูปอย่างอื่นแทนค่ะ เครื่องเล่นนี้ มีเปียกค่ะ เลยไม่เล่นดีกว่า เพราะอากาศหนาวอยู่แล้ว
มีลานสเก็ตช์น้ำแข็ง กลางแจ้งด้วย อากาศปกติก็เย็นอยู่แล้ว เดินผ่านแถวนี้ยิ่งเย็นเข้าไปอีก มีชิงช้าสวรรค์ด้วย นั่งดูวิวไปเพลินๆ…แต่เราไม่ได้ขึ้น มันเบาไป 55555
ตรงนี้ Thomas Land เป็นส่วนเครื่องเล่นสำหรับเด็ก เราเลยวัยแล้ว เลยไม่ได้เข้า 55
เดินมาถึง Zone Gundam ประกอบด้วย Gundam Mania MkII เป็นร้านขาย Model Gundam
มีให้เลือกมากมาย มีโชว์ตัวที่ประกอบแล้วด้วย
เดินขึ้นมาด้านบนมี Gundam Crisis 2 พี่เอ๋ลองเดินเข้าไปแล้วอ่านวิธีเล่นดู แต่ไม่เข้าใจค่ะ เหมือนจะต้องโหลด App ลงมือถือก่อนแล้วค่อยเข้าไปเล่น แต่มันเป็นภาษาญี่ปุ่นอ่ะ แถมพนักงานก็พูดอังกฤษไม่ได้ สรุป พี่เอ๋เลยออกมา อดเล่นไปค่ะ
อันนี้ Red Tower เครื่องเล่น Free Fall แต่วันนี้ปิดปรับปรุง
มีเครื่องเล่นแบบเบสิค ๆ ม้าหมุนด้วยนะ
ร้านพิซซ่า มีเครื่องเล่นของร้านอยู่ด้านหลัง
แอบดูเครื่องเล่นพิซซ่า คือทั้งเหวี่ยงทั้งหมุน อันนี้ขอบายฮ่ะ ไม่ชอบอะไรหมุน ๆ
อันนี้พิพิธภัณฑ์ Evangelian World
ข้างในเป็นทางเดินไปเรื่อย มีฉากต่าง ๆ ตามในหนังไว้ให้เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของฉาก แต่หนังเรื่องไรบ้างปลาไม่รู้จักอ่ะ แต่พี่เอ๋เค้าบอกเค้ารู้ เลยถูกใจเค้าค่ะ
ส่วนตัวนี้เป็นไฮไลท์อีกตัวของสวนสนุกที่นี่ค่ะ เป็นตัวที่สูงที่สุดใน Fuji-Q ชื่อ Fujiyama
แต่ไม่ได้เล่นค่ะ เสียดายมากกกกก เพราะมาต่อคิวไม่ทัน เล่นตัว roller coster เสร็จก็ 5 โมงแล้ว ฟ้าเริ่มมืดพอดี จะกลับมาที่ตัวนี้เค้าก็ปิดไม่ให้ต่อคิวแล้วอ่ะ เสียจุย เค้าจะหาเรื่องกลับไปใหม่นะ อิอิ
เราออกจากสวนสนุกประมาณ 17.30 ฟ้ามืดสนิทแล้วค่ะ คือจะบอกว่าวันนั้นอากาศหนาวมากกกกกกก ลมแรงค่อด ๆ ยืนต่อคิวรอเครื่องเล่นแต่ละอันนี่จะแข็งตาย ยิ่งพอพระอาทิตย์ตกนี่ไม่ต้องพูดถึง คือหนาวสะท้านนนนนมากอ่ะ
ดู app เรื่องอุณหภูมิ เค้าบอกว่า 7องศา แต่ real feel 0 องศา แม่เจ้าาาาาาาาาาาาาาาา มิน่าทำไมมันหนาวขนาดเน้ คือเสื้อผ้าที่ใส่มาไม่พออ่ะ ขนทุกอย่างมาพันขนาดนี้ก็ยังเอาไม่อยู่
มาถึงสถานี Kawaghchiko ปรากฏว่า รถ Retro Bus หมดแล้ว ฮืออออ รถบัสที่นี่ 6โมงเย็น เค้าก็หมดแล้วมั้ง ยืนลังเลท่ามกลางอากาศหนาวอยู่พักนึง กำลังตัดสินใจว่าจะนั่งแท็กซี่กลับ เจอคนไทยกลุ่มนึงค่ะ เจอปัญหาเดียวกัน เลยคุยกับเค้า เค้าบอกว่าให้ลองโทรกลับ รร ดู เผื่อ รร จะส่งรถออกมารับ แถมแนะนำว่าอย่าขึ้นแท็กซี่เชียว เพราะค่ารถมหาโหดมาก เอ่อ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ตรู
ว่าแล้วเราก็เลยเดินไปหาโทรศัพท์สาธารณะ ที่เครื่องเค้าเขียนว่าหยอดได้ 2 เหรียญคือ 10 กับ 100 เยน แต่เราไม่รู้ว่าคุยได้นานเท่าไหร่เลยหยอด 100 เยนไปกันเหนียว โทรติดก็บอกทางโรงแรม ว่าติดอยู่ที่สถานี Kawaguchiko ค่ะ โรงแรมเลยบอกว่าจะออกมารับ เค้าไม่คิดค่าบริการด้วยนะคะ น่ารักมากๆ เลย
รออยู่ประมาณ 5 นาที รถตู้ของ Hotel New Century ก็มารับค่ะ จะบอกว่านั่งรถรอตู้นี่ก็ทรมานมากนะ เพราะมันหน๊าวววววหนาว
กลับถึง รร ก็ตรงดิ่งไปหม่ำๆมื้อเย็นกันเลยค่ะ อลังการงานสร้างเช่นเคย แต่เซ็ทอาหารเหมือนวันแรกแหละค่ะ แค่สลับชุดกัน ปลากินบาร์บีคิว ส่วนพี่เอ๋ก็กินชาบู
เครื่องเคียงเปลี่ยนไปค่ะ แต่ยังฟังไม่ออกว่าคืออะไรอยู่ดี
อย่าถามนะยูว่าข้างบนนั่นน่ะ อะไรเป็นอะไรบ้าง ศรีม่ายรู้
แล้วที่เมื่อวานมีล็อบสเตอร์ให้กินคนละตัว วันนี้เปลี่ยนเป็นซาซิมิชุดใหญ่ คือจะบอกว่าเราสองคนกินปลาดิบไม่เป็นนะคะ กลัวคาว แต่ไปถึงตรงนั้นไม่กินก็เสียดายนะ ก็เลยตัดใจลองกินดู
ปรากฏว่า เออ มันดีงาม เลอค่าศาลาแดงสมดั่งคำร่ำลือ ของเค้าสด ไม่มีกลิ่นคาวใดๆ เลย บนเรือลำนี้ไมได้มีแค่ปลานะคะ มีหอย มีกุ้งด้วย
ของหวานวันนี้เป็นผลไม้ค่ะ
กินเสร็จก็แทบคลานกลับขึ้นห้องเหมือนเดิม 555 และเช่นเคยรอย่อยแล้วไปแช่ออนเซ็นกันอีกค่ะ วันนี้ลงบ่อเจอสมาคมแม่บ้านญี่ปุ่นเต็มห้องเลย วันนี้แช่ออนเซ็นแล้วยิ่งดีมาก เพราะยืนเข้าคิวเครื่องเล่นจนหลังจะหัก ได้แช่แบบนี้มันสบายตัวขึ้นเยอะเลยล่ะ แอบเสียดายว่าคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของที่คาวากูจิโกะแล้ว พรุ่งนี้เราต้องกลับโตเกียวกันแล้วล่ะค่ะ ยังแอบติดใจบรรยากาศที่นี่อยู่เลย คุยกะพี่เอ๋นะว่าต้องหาโอกาสกลับมาอีกแน่ๆล่ะ
สำหรับเช้าวันที่ 6 ของทริป และเป็นวันสุดท้ายด้วย ตื่นมาพร้อมกับหมอกแบบนี้เลยค่ะ เมื่อคืนฝนตก หมอกเต็มเลย แต่ก็พลอยทำให้ไม่เห็นฟูจิซังไปด้วย ดูสิคะ ปกติตื่นมาจะต้องเห็นฟูจิซังตรงหน้า วันนี้ตื่นมาฟูจิหายไปทั้งลูกเลยอ่ะ แต่ก็ได้อีกบรรยากาศนึงนะคะ สวยไปอีกแบบ
แต่งตัวเสร็จก็ลงมากินข้าวเช้ากันค่ะ ชุดใหญ่เหมือนเดิม แต่อาหารไม่ซ้ำนะคะ
Main course ของวันนี้ ไข่ดาวกับแฮมค่ะ มีกะทะร้อนมาให้ทอดกันเองเลย สนุกดี อิอิ
มาดูเครื่องเคียงกันค่ะ แปลกไปจากเมื่อวานด้วยเหมือนกัน
กินเสร็จเราก็เช็คเอ้าท์เพื่อกลับโตเกียวกันค่ะ ต้องบอกว่า รร ที่นี่ ควรค่าแก่การแนะนำต่อจริง ๆ ค่ะ อยู่ในทำเลที่ดี ได้เห็นวิวฟูจิซังเพียงแค่เปิดหน้าต่างออกไป อาหารก็อร่อย ห้องพักก็สะอาด สะอ้าาน ห้องใหญ่ด้วย ที่สำคัญบริการดีมากกกกกกค่ะ โดยเฉพาะคุณป้าที่ห้องอาหาร
ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกันบ้างก็ตาม แต่โดยรวมโอเคมาก ๆ ค่ะ ใครจะไป Kawaguchiko แนะนำที่นี่เลยค่ะ Hotel New Century
ระหว่างรอรถบัสกลับโตเกียว เราเดินดูขนมที่สถานีกันค่ะ
อากาศเช้าวันนี้ 12.9 องศา ฝนตกด้วย
ตลอดทางเดินกลับโตเกียว หมอกเยอะมากกกก มีบางช่วงมองเห็นในระยะแค่ 50 เมตรได้มั้ง
ขากลับเข้าโตเกียวนี่ใช้เวลานานกว่าขาไปค่ะ เพราะหมอกเยอะทำให้รถขับได้ไม่เร็วมาก แถมตอนใกล้ลงทางด่วน เจอรถติดอีกตะหาก ตั้งแต่มาเพิ่งเห็นรถติดครั้งแรกเนี่ย
ลงรถบัสกันที่เดิมนะคะ ที่ชินจูกุ
ลงรถได้เราก็เดินไปสถานีรถไฟค่ะ เพื่อหาตู้ฝากกระเป๋าเพื่อไม่ให้เป็นภาระ เพราะเดี๋ยวเราจะไป Shopping กัน ที่สถานีรถไฟมีตู้รับฝากกระเป๋าพอสมควร แต่ตู้ส่วนใหญ่มีคนฝากเกือบหมด กว่าจะเจอตู้ว่างนี่เดินหาอยู่นานเลย ตู้มีหลายขนาดราคาก็เพิ่มขึ้นตามขนาด สำหรับกระเป๋าเดินทางใบเล็กใส่ช่อง 500 เยนได้สบาย ส่วนกระเป๋าใบใหญ่ยังอยู่ที่ Ibis ค่ะ เด๋วรอจะกลับแล้วค่อยเดินไปรับคืนทีเดียว
วิธีการใช้งานตู้ฝากกระเป๋า แค่เลือกขนาดแล้วหยอดเหรียญตามราคาค่ะ
จากนั้นจะได้บัตรพร้อมรหัสสำหรับเปิดตู้ออกมา
ตอนแรกเลยวางแผนว่าจะไปซื้อของฝากที่ อุเอโนะ แต่ดูจากเวลาที่มาถึงโตเกียวช้ากว่าที่คิดไว้ เลยคิดว่าช็อปที่ชิจูกุแทนแล้วกัน เพราะจริง ๆ เราก็ยังไม่ได้เดินเที่ยวชินจูกุเลยอ่ะ สารภาพเลยว่าเสียเงินหลัก ๆ ก็ในร้านขายยาอ่ะค่ะ แหะแหะ
เดินเล่นจนได้ถึงเวลาอาหารกลางวันค่ะ ระหว่างคิดว่าจะกินอะไรดีก็ผ่านร้านนี้เข้า sweet paradise factory อิชั้นจำได้ว่าเคยเห็นในรีวิวค่ะ เลยลองเข้าไปกินดู เป็นร้าน บฟ นะคะ
ราคาต่อหัว 1,480 เยน กดจ่ายตังที่ตู้ตั้งแต่ตอนเข้าไปเลยค่ะ
ทั้งร้านเหมือนจะมีพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้คนเดียว พอเห็นเป็นนักท่องเที่ยว พนักงานคนนั้นจะเข้ามาแนะนำเรื่องอาหารค่ะ โดยรวมอาหารเราว่าเฉยๆ ค่ะ ไม่มีอะไรประทับใจ เค้กก็ยังไม่โดนเท่าไหร่ แอบผิดหวังนิดๆ เหมือนกัน
อิ่มเสร็จก็ออกมาเดินช็อปปิ้งกันต่อค่ะ เดินจ้ำกันเหมือนตามวัวมาก 5555 เข้าห้างนั้น ออกห้างนี้ เสียทรัพย์ให้ muji ไปก็หลายนะ
ชอบอันนี้ที่สุด ห้าง BicQlo เป็นห้างที่รวมกันระหว่าง Bic Camera กับ Uniqlo คือใหญ่มากกกก มีหลายชั้น แถมมีแบรนด์ GU รวมอยู่ด้วยอีก มีโปรลด 10% สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้บัตร Visa ด้วย แถมประกาศเสียงตามสายมีพูดภาษาไทยอีก คนไทยคงเป็นลูกค้ารายใหญ่พอควรนะ อิอิ
ช็อปกันจนถึงทุ่มกว่า ๆ ก็ได้เวลากลับค่ะ เดินกลับไปเอากระเป๋าที่ Ibis แล้วก็เดินทางไปที่สนามบินฮาเนดะ ยังมีแอบไปซื้อขนมที่สนามบินอีก ซื้อกันเยอะมาก จนกลัวน้ำหนักจะเกิน 555 อำลาญี่ปุ่นกันไปตอนเที่ยงคืน 20 นาที อยากบอกว่าเลยว่าไม่อยากกลับ อยากเที่ยวต่อ เข้าใจแล้วที่ใครๆ พูดว่า ญี่ปุ่นนี่มากี่ทีก็ไม่เบื่อ เข้าใจแล้วจริงๆ เค้าจะกลับไปอีกนะ จริงๆ เค้าสัญญา