เที่ยวคันไซ ตอนที่ 2 เที่ยวโอซาก้า ชมปราสาทโอซาก้า ปีนตึก Umeda Sky Building

เที่ยวคันไซ ตอนที่ 2 เที่ยวโอซาก้า ชมปราสาทโอซาก้า ปีนตึก Umeda Sky Building

เที่ยวโอซาก้า

5.00 น. ผมลุกจากเก้าอี้สนามบิน ที่ใช้คำว่าลุกเพราะไม่ได้หลับเท่าไหร่ ปกติผมเป็นคนตื่นง่ายอยู่แล้ว ยิ่งมีคนไทยไม่ยอมนอนนั่งคุยกัน หัวเราะสนุกสนานตลอดทั้งคืนด้วยแล้ว แทบจะอยากลุกขึ้นไปคุยด้วยเลย…ว่าแต่เค้าไม่ง่วงกันหรอกเหรอ เดี๋ยวต้องไปเที่ยวกันต่อทั้งวันอีก  อึดจริงๆ เลย 

(ย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 1 วางแผนเที่ยว จองที่พัก แล้วออกเดินทาง คลิกที่นี่)

หลังจากทำธุระส่วนตัวกันเสร็จเรียบร้อย  การผจญภัยของเราก็เริ่มต้นขึ้น ภาระกิจแรกสำหรับเช้าวันนี้คือ แลก JR West Kansai wide area pass ที่ JR Ticket Office ตรงข้ามกับ Terminal ที่เรานอน โดยเดินข้ามสะพานเชื่อมจากชั้น 2 มาได้เลย

Kansai Airport

ข้ามมาแล้วด้านซ้ายมือจะเป็นตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ JR Ticket Office อยู่ข้าง ๆ ที่นี่เปิดตีห้าครึ่ง ผมมาถึงหกโมง แต่คิวยาวแล้ว เสียวอยู่ว่าจะแลก JR Pass ไม่ทันรถไฟเที่ยว 6.30 น. แต่สุดท้ายก็ทันแบบหวุดหวิด

ส่วนวิธีการใช้งานบัตรโดยละเอียดผมเขียนไว้ในกระทู้ เที่ยวคันไซด้วย JR-West Kansai Wide Area Pass สนใจคลิกไปอ่านได้เลยครับ

JR KIX

เราเดินทางเข้าเมืองโอซาก้า ด้วยรถไฟ Limited Express HARUKA ไปลงที่สถานี Tennoji แล้วต่อรถไฟใต้ดินสาย Midosuji ไปลงที่ Shinsaibashi เพื่อเอากระเป๋าไปเก็บที่ Osaka Hana Hostel ก่อนแล้วค่อยออกเที่ยวกัน

Haruka

สภาพอากาศ พยากรณ์แจ้งว่า เมืองโอซาก้ามีเมฆบางส่วน อุณหภูมิ 5 องศา

Kansai Airport

แต่สภาพอากาศจริง แถวสนามบิน เมฆเพียบ ฝนตก กำลังคิดว่า พยากรณ์อากาศญี่ปุ่นที่เคยชมกันว่าแม่นมากนั้น จะมาเสียคนก็คราวนี้แหละ

Haruka

แต่พอเข้าใกล้เมืองไปเรื่อย ๆ ท้องฟ้ากลับสดใส มองเป็นพระจันทร์ดวงใหญ่กำลังตกสวยงามมาก เรียกว่าดูถูกความแม่นเค้าไม่ได้เลยทีเดียว

Haruka

จากสนามบินคันไซมาถึง Tennoji นั่งแค่สถานีเดียว ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง Landmark สำคัญของ Tennoji ก็คือ ตึกสูงที่สุดในญี่ปุ่น Abeno Harukas

Tennoji

ที่ Tennoji เราต้องต่อรถไฟใต้ดินสาย Midosuji ซึ่งไม่สามารถใช้บัตร JR Pass ได้ เราเลยต้องเติมเงินบัตร Suica ซึ่งผมพกติดมาด้วยจากเมืองไทย บัตร Suica เป็นบัตร IC Card หรือบัตรเติมเงินของ JR East ส่วน JR West จะใช้บัตร ICOCA แต่ปัจจุบันสามารถใช้ IC Card ทุกใบได้ทั่วญี่ปุ่นแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อบัตรใหม่ โดยการเติมเงินแต่ละครั้งจะเหมือนการต่ออายุบัตรไปอีก 10 ปี ดังนั้นถ้าจะกลับมาญี่ปุ่นอีกในช่วง 10 ปี เราก็ไม่ต้องคืนบัตร เก็บไว้ใช้คราวหน้าได้เลย บัตร IC Card นอกจากใช้โดยสารรถไฟ รถบัส ได้แล้ว ยังใช้ซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้มากมายทั่วญี่ปุ่น แม้จะไม่มีส่วนลดอะไรแต่ก็เพิ่มความสะดวกในการเดินทาง โดยไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวซื้อตั๋วเป็นเที่ยว ๆ โดยเฉพาะสถานีที่คนเยอะ

IC Card charger

วิธีการเติมเงิน แต่ละตู้ไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ต่างกันมาก บางตู้วางบัตรไว้ตรงที่อ่าน บางตู้ต้องเสียบบัตรเข้าไป จากนั้นก็กดเมนูเติมเงินใส่เงินแล้วก็จบ

IC Card charger

เติมเงินเสร็จเราก็เดินทางไปต่อที่สถานีรถไฟใต้ดิน

Tennoji

วิธีดูว่าเราต้องไปชานชลาไหนก็คือดูป้าย ซึ่งไม่ต่างจาก BTS เมืองไทย แต่ที่ญี่ปุ่นจะง่ายกว่านิดหน่อย เพราะ BTS ที่ป้ายจะบอกเฉพาะสถานีปลายทาง เช่น บางหว้า เราต้องรู้เองว่าเรากำลังจะไปทางนั้น ส่วนญี่ปุ่นจะบอกสถานที่หลัก ๆ ระหว่างทางด้วย อย่างกรณีนี้เราจะไป Shinsaibashi ซึ่งอยู่เลย Namba 1 สถานี จากป้ายในรูปบอกว่า ถ้าจะไป Namba Umeda Shin-Osaka ให้ไปที่ชานชลา 2 หรือ 3 ดังนั้นเราไปรอที่ชานชลาตามที่ป้ายชี้ได้เลย

Tennoji

สถานี Tennoji (M23) ปลายทาง Shinsaibashi (M19) นั่งไป 4 สถานี

Tennoji

มาถึงแว้วว ที่ป้ายบอกชื่อสถานีในชานชลา จะบอกด้วยว่า สถานีก่อนหน้าและสถานีถัดไปคือสถานีอะไร เวลาเดินทางสังเกตจากตรงนี้ก็ได้ จะรู้ว่ารถควรจะมาจากทางซ้ายหรือทางขวา

Shinsaibashi

ที่ชานชลาจะมีแผนที่แสดงตำแหน่งทางออกไว้ เราสามารถเดินไปดูได้ว่า เราควรออกทางไหนถึงจะใกล้ที่สุด อย่างสถานีนี้มีทางออก 8 ทาง ผมต้องไปทางออกที่ 7 หรือ 8

Shinsaibashi

มองป้ายไว้รับรองไม่หลง

Shinsaibashi

มาถึงแล้ว Shinsaibashi ถนนสายหลักของที่นี่คือ ถนน มิโดซูจิ มีเขียนภาษาไทยด้วย แสดงให้เห็นว่าคนไทยไปเยอะมาก

Shinsaibashi

ถนน Midosuji มีต้นแปะก๊วยปลูกอยู่ตลอดแนวสองข้างทาง ปีนี้อากาศที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยหนาว ทำให้สีของต้นแปะก๊วยยังไม่เหลืองเท่าที่ควรจะเป็น (สังเกตว่าถนนสายหลักที่ญี่ปุ่น จะมีแยกเยอะ ไฟแดงเยอะมาก แต่รถกลับไม่ค่อยติดเท่าไหร่)

Shinsaibashi

ชักภาพกับไฟแดงหน่อย

Shinsaibashi

มาถึง Osaka Hana Hostel แล้ว เราเข้าไปฝากกระเป๋าไว้ก่อนเพราะที่นี่ Check-in ได้ตอนบ่ายสามโมง

Osaka Hana Hostel

Osaka Hana Hostel

ได้เวลามื้อเช้าแล้ว เราจะเดินไปหาอะไรกินแถว ๆ Namba จากนั้นจะนั่งรถไฟ JR Osaka Loop line ไปปราสาทโอซาก้า

Dotonburi

อาหารเช้าที่ Green Cafe

น้องปลาทำการบ้านมาจากเมืองไทย หาร้านที่อยู่ละแวกนี้ไว้หลายร้าน วันนี้เราจะไปกินที่ Green Cafe ซึ่งอยู่ ชั้น 1 ฝั่งเหนือ ตึก OCAT (Osaka City Air Terminal) ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานี JR Namba พอดี (คลิกเพื่อดู Google Map)

Green Cafe

ร้าน Green Cafe เปิดตั้งแต่ 8 โมง ถึง สามทุ่ม ขายอาหารหลายอย่าง แต่เมนูอาหารเช้ามีให้เลือก 3 set ถ้าไม่อิ่มมีเค้กให้กินเพิ่มได้

Green Cafe

Green Cafe

ที่นั่งในร้านก็มีเยอะเหมือนกัน

Green Cafe

ผมสั่ง Set B มากินกัน 2 คน เพราะยังไม่ค่อยรู้สึกหิวเท่าไหร่

Green Cafe

รสชาติอร่อยใช้ได้เลยครับ อากาศหนาวแบบนี้ ได้จิบชาร้อน ๆ นี้สุดยอดจริง ๆ

Green Cafe

มื้อนี้ 780 เยน

Green Cafe

เที่ยวปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

อิ่มแล้ว เดินทางไปเที่ยวปราสาทโอซาก้า (คลิกเพื่อดู Google Map) กันต่อด้วย JR Osaka Loopline จากสถานี Namba ไปยัง Morinomiya

Namba

จากสถานีมองเห็น หอคอย Tsutenkaku ที่ Osaka Shinsekai ด้วย

Namba

จริง ๆ เราสามารถลงสถานี Osakajokoen (สถานีถัดไป) ก็ได้ ซึ่งจะเดินไปถึงตัวปราสาทใกล้กว่าเล็กน้อย แต่สถานีMorinomiyaนี้จะได้เดินผ่านสวนยาว ๆ ไป (ยาวจนเหนือยเหมือนกัน5555)

Morinomiya

Morinomiya

 

ออกมาแล้วไม่ต้องกลัวหลงมีป้ายชัด ๆ เลย

Morinomiya

มีคุณป้ากับน้องหมาชิบะ มารอข้ามถนนด้วย

Morinomiya

ข้ามมาปุ๊บเห็นวิวนี้เลย

Osaka Castle

ด้านในมีแผนที่ให้ดูด้วย กว้างใหญ่มากกก

Osaka Castle

ต้องถือว่าโชคดีที่เดินเข้าทางนี้ เพราะที่วงเวียนน้ำพุใกล้ทางเข้า มีแนวต้นแปะก๊วยที่เปลี่ยนสีจนเหลืองแสบตาให้เราถ่ายกัน ฟินเบย

Osaka Castle

Osaka Castle

เห็นแดดแรง ๆ แบบนี้ ก็ยังหนาวมากนะครับ เพราะลมแรง (แรงมาก จนน้องปลาเกือบปลิว 55) ลมแรงจนแดดเอาไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเพราะยังปรับตัวไม่ทันหรือเปล่า

Osaka Castle

Osaka Castle

Osaka Castle

มาถึงจุดถ่ายรูปแล้ว มุมนี้ผมทำการบ้านไปก่อน เคยเห็นคนถ่ายมุมนี้ เลยใช้ Google Street View ลงไปดูก่อน ใครสนใจตามไปได้เลยครับ (คลิกเพื่อดูผ่าน Google Map)
Osaka Castle

Osaka Castle

Osaka Castle

ถ่ายเมียบ้างไรบ้าง

Osaka Castle

Osaka Castle

เราเดินตามทางลาดชันขึ้นมาเรื่อย ๆ คนก็ทะยอยเดินกันมาเป็นทิวแถว

Osaka Castle

มองย้อนกลับไปเริ่มขึ้นมาสูงแล้วเหมือนกัน

Osaka Castle

พอมาถึงหน้าทางเข้า จะมีร้านขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ

Osaka Castle

เวลาตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว แวะกินดังโงะ (300 เยน) กับ Soft Cream (350 เยน) ซะหน่อย รสชาติทั้งสองอย่างก็อร่อยได้มาตรฐานอาหารญี่ปุ่น

Osaka Castle

Osaka Castle

แถวนั้นก็มีที่นั่งให้เยอะพอสมควร มีสวนรอบตัวเลย  Osaka Castle

Osaka Castle

นั่งพักกินขนมรองท้องเสร็จแล้ว จะเดินทางต่อไปตลาด Temma เพื่อหาอะไรกินกัน ระหว่างขากลับแสงสวยดี เลยแวะเก็บภาพอีกหน่อย

Osaka Castle

Osaka Castle

ขากลับเราไปขึ้นรถไฟที่ สถานี JR Osakajokoen ที่นี่มี Model ปราสาทโอซาก้าด้วย สวยดี

Osaka Castle

ตลาด Temma

เดินทางมาลงที่ สถานี Temma (3 สถานีจาก Osakajokoen) ลงมาจากสถานีก็ถึงตลาดเลย ที่นี่มีของกินเพียบ ขนาดกลางวันวันศุกร์ คนยังเยอะมาก

Temma

ผมเดินหาของกินอยู่สักพัก ใจอยากกินซูชิซะหน่อย แต่เดินมาสักพักยังหาร้านขายซูชิไม่เจอ มาเจอร้านขายอาหารทะเล ชื่อ Sanchoku Ichiba (คลิกเพื่อดู Google Map) ร้านอยู่ชั้น 2 ทางขึ้นติดกับ Daiso หน้าร้านมีรูปอาหาร เปิดเสียงลำโพงเรียกแขก เราก็เดินไปดู ๆ เออมีซูชิด้วยแฮะ

Sanchoku Ichiba

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้าเจอของที่ต้องการแล้วให้ซื้อเลย อย่าคิดว่าไปข้างหน้าเจอค่อยซื้อ เพราะมันจะไม่เจออีกแล้ว เราเลยตัดสินใจขึ้นไปกินเลย

Sanchoku Ichiba

ขึ้นมาชั้นสอง ร้านเป็นทางยาว ๆ ด้านในมีโต๊ะนั่ง มีเมนูภาษาอังกฤษให้ด้วยสบายละ

Sanchoku Ichiba

Sanchoku Ichiba

Sanchoku Ichiba

สั่งน้ำก่อนเลย Oolong Tea ชาอูหลง แก้วละ 199 เยน

Sanchoku Ichiba

มาดูเมนูแรกกันเลย Chef’s assortment หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เมนูตามใจเชฟ เค้าจะเลือกของมาสามอย่างให้เรากิน 499 เยน
สามอย่างนั้นประกอบด้วย
1 ปลา รสชาติเหมือนปลากระป๋องบ้านเราก็อร่อยดี
2 ไก่ อะไรสักอย่าง นุ่ม ๆ หนึบ ๆ แปลกดีเหมือนกัน
3 ต้นหอมญี่ปุ่น อันนี้อร่อยดีนะ ไม่ค่อยมีกลิ่นต้นหอมด้วย

Sanchoku Ichiba

ซูชิแซลมอน คำละ 99 เยน ซูชินี่ราคาเฉลี่ยถูกกว่าบ้านเราอีกนะ แถมยังสด อร่อยมาก แต่ข้าวไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่

Sanchoku Ichiba

มาลอง Yakitori บ้าง สั่งมาลองอย่างละไม้ 2 ไม้
หมูย่างเกลือ 2 ไม้ 299 เยน หมูแข็งไปนิดนึง

Sanchoku Ichiba

ปีกไก่ย่างเกลือ 199 เยน หนังกรอบอร่อยมาก อร่อยจน(ภาพ)เบลอเลย 5555

Sanchoku Ichiba

กุ้งย่างเกลือ 199 เยน หวานกรอบอร่อย กินได้ทั้งตัว

Sanchoku Ichiba

รสชาติหลัก ๆ ของ Yakitori ก็คือเค็ม (ก็แน่ดิ ย่างเกลือจะให้หวานก็ตลกแระ) มื้อนี้จ่ายไป 2149 เยน

ร้านนี้เค้ามีหลายสาขาอยู่นะ ใครสนใจลองไปเข้าไปดูที่ Website ได้นะครับ

 

Sanchoku Ichiba

หลังจากที่เรากลัวจะไม่เจอร้านซูชิอีก พอออกจากร้านมาเดินต่อสักพักเท่านั้นแหละ ร้านนี้เริ่มต้นที่ คำละ 50 เยน

Temma

ร้านนี้ก็น่ากิ๊นน่ากิน

Temma

เดินมาเจอฝาท่อ นี่เป็นอีกสิ่งนึงที่ญี่ปุ่นทำได้ดี คือเอาภาพของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ มาทำเป็นฝาท่อ น่าสะสมเลยทีเดียว 5555

Temma

เดินทะลุตลาดมาออกอีกถนนนึงแล้ว แถวนี้ต้นไม้แปลกดีเลยถ่ายมาซะหน่อย

Temma

ตอนนี้บ่ายสองครึ่งแล้ว เย็นนี้เราจะขึ้นตึก Umeda Sky Building ไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกบนชั้น 39 ที่สูง 173 เมตร วันนี้พระอาทิตย์ตกเวลา 4 โมง 45 นาที มีเวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เราสองคนเลยตัดสินใจเดินจากที่นี่ ไปที่ตึกเลยระยะทางประมาณ 2 กิโลครึ่ง โดยเราจะเดินผ่านย่าน Nakazakicho ซึ่งเป็นย่านที่มีร้านริมถนน น่ารัก ๆ แต่แล้วด้วยความมั่นใจเลยเดินแบบไม่ได้ดู Google map ปรากฏว่าเดินผิดทาง นอกจากไม่เจอร้านน่ารัก ๆ แล้ว ยังเดินไกลออกจาก Umeda อีกต่างหาก กว่าจะรู้ตัวก็เดินมา 2 กิโลแระ T T (ที่รู้ตัวเพราะเดินมาแล้วไม่เจอตึกสูงเลย) หลังจากรู้ตัวก็เดินย้อนกลับมาถึง Umeda เกือบ 4 โมงเย็น เริ่มรู้สึกหิวขนมแระ เลยแวะร้านขายขนมที่ Umeda ซะหน่อย (คลิกเพื่อดู Google Map)

Umeda

อ่านชื่อไม่ออกเหมือนกันว่าชื่อร้านอะไร แต่พอเดินเข้าไป เค้าก็มีขนมให้ลองชิม 2 ชิ้นกับชา 2 แก้ว

Umeda

กินขนมแล้วไม่ค่อยเท่าไหร่ เลยไปเอาโดรายากิไส้เกาลัคมากิน รสชาติก็พอใช้ได้

Umeda

Umeda

ชมวิวเมืองโอซาก้าที่ Umeda Sky Building

กินเสร็จแล้วเดินต่อมาอีกสักพัก ก็ถึงแล้ว Umeda Sky Building เดี๋ยวเราจะขึ้นไปข้างบนโน้นนนนนน (คลิกเพื่อดูตำแหน่งใน Google Map)

Umada Sky Building

เข้ามาด้านในมี Model ตึกให้ดูด้วย เราจะขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นสามสิบกว่า ๆ ลิฟท์ที่นี่เวลาแสดงผลจะไม่โชว์เลขชั้น แต่โชว์ความสูงเป็นเมตรแทน ทำให้ตัวเลขขึ้นไปเป็นร้อยเลย

Umada Sky Building

ออกจากลิฟท์แล้วต่อบันไดเลื่อน

Umada Sky Building

ขึ้นมาจะเจอ Counter ซื้อบัตรเพื่อขึ้นไปที่ Floating Garden Observatory ค่าขึ้นคนละ 800 เยน

Umada Sky Building

ขึ้นมาแล้วภาพที่เห็นงดงามมาก

Umada Sky Building

Umada Sky Building

Umada Sky Building

Umada Sky Building

ผมเลือกขึ้นตึกนี้ แทนที่จะเป็นตึกที่สูงที่สุดที่ Tennoji เพราะที่นี่ จุดชมวิวเป็นแบบ Open Air ไม่มีกระจกกั้น ก็คิดว่ามันคงจะถ่ายง่ายกว่า ที่ไหนได้ข้อดีที่เป็น Open Air นี่กลายเป็นปัญหาเหมือนกัน เพราะลมแรงมาก นอกจากคนถ่ายหนาวแล้ว ภาพที่ถ่ายบนขาตั้งกล้องก็สั่นต้องถ่ายหลายทีกว่าจะชัด แถมกล้องยังซดแบตอย่างกับน้ำ ผมมีแบต 2 ก้อน แต่ใช้มาตั้งแต่เมื่อวาน เพราะนอนสนามบินไม่ได้ชาร์ต ตอนขึ้นมาเหลือ 70 กว่าเปอร์เซ็น สุดท้ายกล้องเสียชีวิตไปก่อนพระอาทิตย์จะตก

Umada Sky Building

อากาศมันหนาวจริง ๆ นะ

Umada Sky Building

ภาพนี้เป็นภาพสุดท้ายที่ผมถ่ายก่อนกล้องจะปิดตัวเอง มุมนี้ถือเป็นมุมที่ตั้งใจขึ้นตึก Umeda Sky Building มาถ่าย ทางด่วนทะลุตึก Gate Tower Building จริง ๆ อยากได้ตอนฟ้ามืดกว่านี้อีกนิด แต่กล้องไม่เอาด้วยแล้ว

Umada Sky Building

เรายืนเก็บภาพด้วยสายตาสักพักจนฟ้ามืด แล้วก็ตัดสินใจลงมาหาอะไรกิน ร้านแถวนี้ละลานตาไปหมด สุดท้ายไปกินร้าน Jyuku อยู่ที่ Isetan Food Hall ชั้น B2 ห้าง Lucua 1100 (คลิกเพื่อดู Google Map)

Jyuku

บรรยากาศภายในร้านเป็นแบบนี้

Jyuku

แจ๊คพอตจริง ๆ ร้านมีตั้งเยอะแยะ แต่ผมดันเลือกร้านที่ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ ยังดีที่เมนูมีรูปให้ดู และพนักงานก็พออธิบายเป็นภาษาอังกฤษได้บ้าง

น้องปลาสั่งน้ำมะม่วง 550 เยน รสชาติพอใช้ได้

Jyuku

ผมสั่งน้ำแอปเปิ้ล 550 เยน ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่

Jyuku

เมนูนี้น่าจะเป็นแฮมพันต้นหอม 250 เยน อร่อยดี

Jyuku

เบค่อนพันหน่อไม้ฝรั่ง 300 เยน เมนูนี้ที่ Muteki บ้านเราอร่อยกว่า อีกอันนึงไม่ได้ถ่ายเมนูมาน่าจะเป็นไก่ย่างเกลือ

Jyuku

จานนี้เป็นเนื้อสามอย่าง คือ หมู ไก่ วัว ราคา 980 เยน มีอย่างละ 2 ชิ้น แต่อร่อยมาก ชอบเลย

Jyuku

ร้านนี้ถ่ายรูปมาไม่ค่อยครบ ลืมถ่ายบิลอีกต่างหาก ตอนนี้เหมือนแบตคนก็จะหมดเหมือนกัน เหอ เหอ เหอ เพราะเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน นี่เพิ่งทุ่มนึงเอง ตอนแรกกะว่าจะเดินห้าง Osaka Grand Front ก่อนกลับ แต่สุดท้ายก็ไม่ไหวกลับไปพักเลยดีกว่า เราเลยนั่งรถไฟสาย Midosuji จากสถานี Umeda ไป Shinsaibashi กลับ Osaka Hana Hostel วันนี้เดินทางเป็นวงกลมรอบเล็ก ๆ รอบนึงพอดี

ส่วนที่พัก  Osaka Hana Hostel  ถ้าอยากดูละเอียด สามารถย้อนกลับไปดูได้ที่    เที่ยวคันไซ ตอนที่ 1 วางแผนเที่ยว จองที่พัก แลัวออกเดินทาง (คลิกที่นี่)  คืนนี้พักชาร์ตแบตกันก่อนครับ พรุ่งนี้ผมจะพาไปเที่ยว kobe และกินเนื้อ kobe ที่เค้าว่าห้ามพลาดกัน ตามไปดู ตอนที่ 3 นั่งชินคันเซ็นไปเที่ยวโกเบ ชมวิวที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น บนเขา Rokko คลิกที่นี่

Osaka Hana Hostel

About A+

หนุ่มแว่น สายไอที ผู้พยายามจะเอาดีด้านการถ่ายภาพ (แต่ยังไม่ดีสักที) มีคอนเซ็ปในการท่องเที่ยวแบบเน้นสบาย ไม่เอาลำบาก

Check Also

Fushimi Inari

เที่ยวคันไซ ตอนที่ 7 เที่ยวศาลจิ้งจอก Fushimi Inari และ Osaka Aquarium Kaiyukan

ชมอุโมงเสาโทริอิ ที่ศาลจิ้งจอก Fushimi Inari ชิมแพนเค้กร้าน Gram และ Takoyaki ทักทายฉลามวาฬที่ Osaka Aquarium Kaiyukan ปิดท้ายด้วยปิ้งย่างเนื้อมัตสึซากะ