เที่ยวกาญจนบุรี ตอนที่ 2/2 น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
9.00 น. เราออกเดินทางจาก รายาบุรี รีสอร์ท สู่ “น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น”
(ย้อนกลับไปอ่านเที่ยวกาญจนบุรีตอนที่ 1 คลิกที่นี่)
ตอนแรก GPS แนะนำว่าให้ขับรถไปข้ามแพขนานยนต์ โดยประมาณเวลาว่าจะถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นเวลา 16.00 น. เลยลองเปลี่ยนให้ GPS คำนวณใหม่โดยเปลี่ยนมาวิ่งทางถนนปกติ ปรากฏว่า GPS บอกจะถึงตอน 17.00 น.
ตอนนั้นถอดใจแล้ว คิดอยู่ว่าทำไมมันนานแบบนี้ แต่ตัดสินใจจอดรถถามชาวบ้านแถวนั้น ได้ความว่า ขับไปทางเขื่อนศรีนครินทร์ไม่ไกลมาก และ เหตุที่ GPS คำนวณเวลาเดินทางนาน น่าจะเกิดจาก ถนนสมัยก่อนยังไม่ลาดยาง เวลาขับขึ้นลงเขาจึงใช้เวลานาน
จากทางเข้าเขื่อนศรีนครินทร์ ต้องขับไปอีก 42 กิโล โดยเส้นทางจะประกอบด้วยทางขึ้นลงเขาต่อเนื่องกัน 20 กิโล จากนั้นจะเป็นทางเนินเล็กมีทางตรงเป็นระยะอีก 20 กิโล
สารภาพเลยนะ ไม่เคยขับรถขึ้นเขาอะไรที่มันลึกลับซับซ้อนขนาดนี้มาก่อนเลยอ่ะ คือมากสุดสำหรับเราสองคนก็เขาใหญ่อ่ะ พูดไปเนี่ยเหมือนเราขับเอง เปล่าเลย คุณแฟนขับคนเดียวเนี่ยล่ะ แหะแหะ ทางไปห้วยแม่ขมิ้นสำหรับเราจัดเป็นที่สุดเลยอ่ะ ไปถึงได้ยังคิดเลยว่า นี่ชั้นน่าจะไปปายได้แล้วมั้งเนี่ย 555
ไปถึงจะตรงกับน้ำตกชั้นที่4 ชื่อ ฉัตรแก้ว ค่ะ ชั้นที่เรามักเห็นรีวิวมากที่สุด แต่พอไปถึง เอ่อออ คงไปหน้าร้อนมั้ง น้ำเลยน้อยไปนิด มันเลยดูไม่อลังเท่ากับรูปที่เคยเห็นๆ มา แต่ถามว่าสวย มันก็ยังสวยอยู่ดีอ่ะนะ
ชั้น 4 จะเป็นทางแยกขึ้นลง โดยถ้าเดินขึ้นจะไปถึงชั้น 5 – 7 ถ้าเดินลงจะไปถึงชั้น 3 – 1 เราเลือกเดินขึ้นก่อน เพราะดูทางลงเป็นบันไดล้วน ๆ เดี๋ยวลงไปแล้วจะหมดแรงเดินขึ้น ทางเดินไปชั้น 5 – 7 จะเป็นทางเนินดิน ไม่ค่อยมีบันไดเท่าไหร่
ธรรมชาติ 2 ข้างทางค่อนข้างสมบูรณ์ มีจิ้งเหลนวิ่งไปมาเป็นระยะ มีฉากฆาตกรรมด้วย
เดินมาถึงชั้น 5 ไหลจนหลง หลงไปไหนไม่รู้หายไปเลย
ชั้นมีเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ น้ำที่ไหลผ่านไปจะไม่ไปรวมกับชั้น 4 – 1
จริง ๆ ต้องมีน้ำตรงนี้
เดินต่ออีกหน่อยเดียวก็ถึงชั้น 6 ดงผีเสื้อ ชั้นนี้สวยมาก ขนาดน้ำน้อยยังสวย ไม่รู้ว่าที่ชื่อดงผีเสื้อเ
ผีเสื้อที่นี่ไม่กลัวคนเลยมาเกาะแว่นด้วย
เดินต่ออีกสักพักก็มาถึงชั้น 7 ร่มเกล้า ดูแล้วเดินไม่ค่อยคุ้มเท่า
เดินย้อนกลับมาที่ชั้น 3 บ้าง ข้อดีของที่นี่ค
เดินลงบันไตต่อมาอีกหน่อย เจอชั้นที่ 2.5 (อยู่ระหว่างชั้น 3 กับ 2) เป็นจุดที่น้ำเยอะที่สุด แต่ไม่มีชื่อชั้น
มุมนี้มีช่างภาพมาตั้งกล้อง
ถ่ายคนบ้างไรบ้าง
เดินลงบันไดต่อมาที่ชั้น 2 ม่านขมิ้น ชั้นนี้ดูธรรมดามาก
มาถึง Hilight อีกจุด ชั้น 1 ดงว่าน ถ้าน้ำเยอะคงจะงามมั่ก ๆ
เราเลยหยุดเล่นน้ำที่ชั้นนี้ แป๊บนึง นั่งเล่นแช่น้ำนี่ก็สดชื่นดีค่ะ เพราะอากาศวันนั้นร้อนอบอ้าวมากเลย
ออกจากน้ำตกด้วยความเสียดายที่น้ำไม่เยอะเท่าที่ควร คุณแฟนเลยหมายมั่นปั้นมือไว้ว่าจะกลับมาแก้มือใหม่อีกสักทีช่วงหน้าน้ำ หาเรื่องเที่ยวได้อีกเรื่อยๆ นะ อิอิ
จากน้ำตกเราก็มุ่งเข้าตัวเมืองเพื่อไปที่พักกันค่ะ ระยะทางก็ประมาณ 130 กิโล ระหว่างทางที่ขับรถ จะเห็นต้นไม้ที่ดูไกล ๆ คล้ายกับซากุระมาก เลยเกิดความสงสัยขอลงไปดูหน่อยเลยจอดข้างทางแล้วเดินลง
มาถึงโรงแรม U Inchantree เกือบห้าโมงเย็นไปแล้ว ข้อดีอย่างนึงของที่นี่คือ เราสามารถแจ้งเวลาเช็คอินล่
สัญลักษณ์ของโรงแรม U Inchantree คือ ต้นอินจัน อายุกว่า 200 ปี เป็นต้นไม้ ที่ออกผลเป็น ลูกอิน กับ ลูกจัน สลับกันตลอดทั้งปี มีความหมายถึงความรักที่มั่
ข้อมูลเกี่ยวกับต้นอินจันนี่ไม่ได้มีความรู้นะคะ แต่อาศัยอ่านเอา ใต้ต้นเขาเขียนไว้ ลูกอิน ลูกจัน หน้าตาเป็นไงไม่เคยเห็นเลย แฮะ ๆ
มาดูห้องพักกันบ้าง ที่นี่ห้องไม่ใหญ่ (แต่เตียงใหญ่) มีผลไม้ต้อนรับด้วย มี iPod เสียบไว้ให้ในห้องเลย แต่เป็นเพลงสากลล้วน ๆ จุดอ่อนเดียวของห้องที่นี่ น่าจะเป็นห้องน้ำเล็กไปหน่อย เข้าไปแล้วรู้สึกอึดอัด แต่สบู่และแชมพูหอมมากกกกก ตอนเช็คอินเค้าจะให้เลือกกลิ่นสบู่ได้ 1 ก้อน
ห้องเล็กขนาดนี้ยังอุตสาห์มีระเบียงไว้ให้คนสูบบุหรี่
ลงมาเดินเล่นเก็บบรรยากาศกันหน่อย ที่นี่มีห้องพักอยู่ไม่มากนัก เป็นตีกรูปตัว L มี 2 ชั้น ดูเงียบสงบ ผ่อนคลาย Slow Life
สระว่ายน้ำกับห้องอาหารอยู่ริมแม่น้ำแควเลย นั่งกินไปดูวิถีชีวิตทางน้ำของคนที่นี่ไป ชิวเลย
ตอนแรกตั้งใจจะไปหาร้านอาหารใกล้โรงแรมกิน หลังจากถ่ายพระอาทิตย์ตกเสร็จ แต่ดันท้องร้องหิวข้าวก่อนซะงั้น อาจเป็นเพราะมื้อกลางวันกินแบบเบาๆ แถวน้ำตกมา
เราเลยเลือกสั่งของทานเล่นของ รร มารองท้องกันค่ะ ต้องบอกว่าไม่ไก่กานะจ๊ะ อาหารสำหรับที่นี่ รสชาติดีงามเชียวล่ะ สั่ง หมูแดดเดียว กับ ทอดมันกุ้งมา กะว่าจะกินเล่น ๆ ดันอิ่มจริงจังเลย
ที่นี่ถือเป็นโรงแรมที่ได้วิว พระอาทิตย์ตกที่โค้งแม่น้ำแคว ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในกาญจนบุรี
การันตีรางวัลโดยเรา 2 คนเอง เพราะไม่เคยไปที่อื่น 5555 และสาเหตุที่เลือก รร นี้ เพราะมุมนี้เลยค่ะ มุมสำหรับถ่ายพระอาทิตย์ตกที่สวยมาก (คือบ้านนี้เวลาเลือกที่พักนี่เลือกจากวิวพระอาทิตย์ไม่ขึ้นก็ตกนี่ล่ะค่ะ)
ยามเย็นเราไปเดินเล่นที่สะพานข้ามแม่น้ำแควกันมาค่ะ อยากบอกว่าใกล้กันมาก เดินได้เลยระยะทางประมาณ 300ม. เองค่ะ
หลังจากก็ขับรถเล่นไปหาอะไรหม่ำเบาๆ กัน พนักงานที่ รร แนะนำว่ามีไนท์ มาร์เก็ตด้วย เลยลองขับไปดูกันค่ะ เป็นอารมณ์เหมือนตลาดนัดเรานี่ล่ะเนอะ (ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ) ก็ได้ของกินนิดๆ หน่อย ๆ กลับมานั่งกินที่ รร กันค่ะ หมดไปสำหรับวันที่ 2 ของทริปนี้
เช้าวันที่ 3 ก็ฝากท้องกับอาหารเช้าของ รร ค่ะ อาหารเช้าที่นี่มาเป็นเซ็ทค่ะ มีเป็นเมนูมาให้เลือกกันที่โต๊ะ โดยจะให้เลือกจานหลัก กับ ชากาแฟ คนละ 1 อย่าง และยังมีไลน์ บุฟเฟต์ อีกนิดหน่อย จำพวกสลัด ผลไม้ ขนมปัง เครื่องดื่ม หรือคอนเฟล้ก ในส่วนเซ็ทอาหารเช้านี่หน้าตาดี แถมรสชาติก็ดีงามไม่แพ้หน้าตาเลยล่ะ
พี่เอ๋สั่ง ไข่คนกับปลาแซลมอล ส่วนอิชั้นสั่ง Egg Benedict ตบท้ายด้วย ชาร้อนกับผลไม้ ข้อดีอีกข้อนึงของที่นี่ก็คือ อาหารเช้าเสิร์ฟตลอด 24 ชม. ตื่นตอนไหนกินตอนนั้น เนื่องจากอาหารเป็น Set Menu (แต่คงไม่มีสลัดกับผลไม้ให้
หลังจากอิ่มหนำสำราญเราก็ไปเดินถ่ายรูปเล่นกันค่ะ
ที่นี่มีบริการนวดด้วย ปกติจะมีห้องนวดแยกต่างหาก แต่บังเอิญว่าวันนี้มีจัดงานแต่งน่ารักๆ ในรีสอร์ท ห้องนวดเลยถูกแปรสภาพไปเป็นห้องทำพิธีไป แต่ถ้าใครสนใจจะนวด เค้าจะให้หมอขึ้นไปบริการถึงบนห้องพักเลยล่ะค่ะ เราเลยเลือกใช้บริการซะหน่อย เพราะเมื่อวานไปน้ำตกเดินกันเยอะเชียว ต้องบอกว่าหมอนวดที่นี่โอเคเลยนะคะ ใครไปพักที่นี่ก็ลองใช้บริการกันดูได้
นวดเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อค่ะ เที่ยงพอดี เลยไปหาอะไรทานกันก่อนเลย เราเสิร์จเจอร้านนี้เข้าค่ะ ร้านผัดไท ซุ่นเฮง เลยแวะไปสั่ง ผัดไทยวุ้นเส้น กับ หอยจ๊อ กินเป็นมื้อกลางวัน ผัดไทยที่นี่รสชาติดีแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม แถมไม่ใส่เต้าหู้ ซึ่งอิชั้นไม่ชอบกินอีก ยิ่งทำให้ถูกใจเข้าไปใหญ่ ส่วนหอยจ๊อนี่เฉย ๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไรแต่คนสั่งเยอะอยู่เหมือนกัน
อิ่มก็ไปต่อได้ค่ะ หลังจากเช็คอินว่าอยู่กาญนะจ๊ะบุรี ก็มีคนเชียร์ว่าให้ไปเที่ยวโรงถ่ายสมเด็จพระนเรศวรเยอะเลย แถมเห็นป้ายระหว่างทางว่ามีจัดงานอะไรอยู่ด้วย เราเลยตัดสินใจไปเที่ยวกันค่ะ
พอไปถึงแล้วก็รู้สึกว่ามาผิดฤดูไปมั้ย เพราะมันร้อนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แดดงี้กะให้สุกกันไปข้างนึงใช่มั้ย พระอาทิตย์ใจร้ายมากอ่ะ เลยเข้าไปเดินแบบรอบเดียว เดินแบบผ่านๆ แค่พอให้รู้ว่ามีอะไรบ้างพอ 555
รูปน้อยไปหน่อย เพราะร้อนจนคุณแฟนไม่มีอารมณ์จะถ่ายรูปเลย 555 เดินจนทั่วก็รีบเผ่นกลับล่ะค่ะ แหะแหะ ก็เป็นอันปิดทริปกาญจนบุรีไปด้วยโรงถ่ายร้อนๆ นี่ล่ะค่ะ แต่เรามาปิดรีวิวทริปนี้ด้วยรูปคู่ของเรากับวิวสวยๆ ดีกว่าเนอะ อิอิ